Monday, December 18, 2006

Muay Thai (Thai Boxing)

Muaythai History
Muaythai is the devestating "science of 8 limbs" from Thailand developed over 1000's of years. The exact date of the creation of this fighting art is not known but it is widely believed to be over 2000 years old. Many other martial arts are believed to be this ancient though many of them were only created in the last 100 years (Aikido, Taekwondo, Karate). Muaythai used to be referred to as Pahuyuth (multi-faceted fighting style) a couple of hundred years ago, but muaythai itself is only a part of the whole Thai fighting system that covers weapons and groundwork which many refer to as Ling-Lom, though this is not the correct name for it. Many people do not know about this "no holds barred" of muaythai and there are very few people that can teach it.The Thais are a tribal people and have had to defend their country from many invaders throughout their history. It has been developed year by year passing from teacher to student for as long as the Thais can remember. Muaythai is often referred to as the science of eight limbs as it employs not only punching and kicking techniques but elbows and knees as well.It could be said that Muaythai currently is split into two parts, the ring sport and the martial art. The art side contains many techniques that cannot be performed in a ring with gloves on.

Stadiums in Thailand

About Thai Stadiums

There are many stadiums throughout Thailand. Unlike mnay other countries, in Thailand, the home of muaythai, there are permanent stadiums dedicated to showcasing the sport. Bangkok, the capital of Thailand, has the most stadiums and is where the best fighters fight their way to the very top. Of all the stadiums in Bangkok two others are regarded up all others. These are Lumpinee Stadium (Also spelt Lumpini) and Rajadamnern Stadium (also spelt Ratchadamneorn, amongst other ways).

Fighting muaythai is a way of earning a living for many many Thais and Lumpinee and Rajadamnern champions are regarded above all others. The Thai's being a small people do not have as many weight classes as say international boxing at these stadiums. At Lumpinee they have championship titles up to 147lbs, and at Rajadamnern up to 160lbs. Though both stadiums will hold fights at heavier weights.
Muaythai Judging

By Tony MyersThe author, Tony Myers is an experienced referee and Judge as well as an experienced MuayThai coach. He has judged and refereed at national, international and world level, in Britain, Europe and Thailand; this year being selected to referee live on national Thai TV and in front of Thai Royalty in Bangkok. He holds World MuayThai Council (WMC) professional refereeing and judging qualification, an International Federation of MuayThai Amateur (IFMA) amateur refereeing and judging qualification. He also runs refereeing and judging courses, as well as being a senior referee and judge for, the British Thai Boxing Council, the World MuayThai Organisation and Scottish MuayThai Federation. In addition he also referees and judges for some Showsport International events.

List of Bangkok Stadiums

Lumpini Stadium Rama IV Road, Bangkok Tel: (662) 252-8765, 251-4303, 253-7702, 253-7940Fight Nights: Tuesdays and Fridays from 6.30 p.m, Saturday afternoons 5-8 p.m., Saturday nights from 8.30 p.m. Ticket prices: 500, 1,000, 1,500 Baht (ringside)

Ratchadamnoen Stadium Ratchadamnoen Nok Avenue Tel: (662) 281-4205, 280-1684-6Fight Nights: Mondays, Wednesdays, Thursdays, Sundays, starting at 6.30 p.m.Ticket Prices: 500, 1,000, 1,500 Baht (ringside); special discount on Sunday nights

เรียนภาษาอังกฤษ "ทางลัด แนวใหม่ ง่ายกว่าที่คิด" จากประสบการณ์จริง

ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่เริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อ "การสื่อสาร" อย่างไม่ค่อยถูกวิธีนัก จึงทำให้ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ฝึกเท่าไหร่ก็พูดไม่ได้สักที ส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องของการใช้ไวยกรณ์ (Gramma) กันซะมากกว่า
ที่จริงแล้ว หากเราต้องการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อ "การสื่อสาร" เป็นหลัก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ "การออกเสียง" (Stressing & Pronunciation) ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะลืมนึกถึงในข้อนี้
คุณเชื่อหรือไม่ว่า ทุกวันนี้ มีคนที่พูดภาษาอังกฤษอีกมากที่ยังออกเสียงตัวอักษร A-Z ไม่ถูกต้อง อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาด
แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ เราจะใช้ภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร และถ้าการสื่อสารผิดๆ แบบนั้น มีผลกระทบทำให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นต่อบุคคล หรือ ต่อองค์กรก็ตาม ใครหล่ะที่จะต้องรับผิดชอบ ก็ตัวคุณเองนั้นแหละ
ด้วยเหตุนี้ การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ควรเริ่มต้นจากการฝึกฝนในการพูด การฟัง การอ่าน ก่อน จากนั้น เราค่อยมาเรียนรู้เรื่องการเขียน และการใช้ไวยกรณ์ให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลา
ลองนึกดูให้ดี อันที่จริงแล้ว ทุกวันนี้เราเองยังใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์เลย แต่เราก็ยังสื่อสารกันเข้าใจ เพราะเราออกเสียงถูกต้องนั้นเอง เอาง่ายๆ คุณเคยดูทีวี แล้วเห็นฝรั่งพูดไทยใช่ไหม? บางครั้งคุณยังไม่เข้าใจเลยว่า เค้าพูดว่าอะไร นั้นเป็นเพราะเค้าออกเสียงไม่ถูกต้อง
ไม่ใช่ว่า หลักไวยกรณ์ไม่สำคัญ แต่ไม่ใช่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการสื่อสาร แต่หากคุณใช้ไวยกรณ์ผิดแบบ 100% อาทิ คุณถามว่า Who are you? แต่คุณกลับใช้ว่า You are who? นั้นเค้าเรียกว่า "Broken English" หรือ "ภาษาวิบัติ" ซึ่งคนที่ใช้ภาษาวิบัติ ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้า แม่ค้า ขายของแผงลอยตามสถานที่ๆ มีคนต่างชาติเยอะๆ นั้นแหละครับ กล่าวคือ เค้าไม่มีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้
เคยมีคำล้อ พูดกันเล่นว่า "One car come and one car go, two car garden and then โครม" ประมาณว่า "รถคันนึงไป รถคันนึงมา รถสองคันสวนกัน เลยชนกันดังโครม" ตลกนะครับ แต่เป็นตลกที่มาจากเรื่องจริง เท่าที่ทราบ ผู้หญิงตามบาร์แถวๆ พัทยา พูดให้ลูกค้าฝรั่งฟัง จนกลายมาเป็นเรื่องเล่าตลกๆ กัน
แต่ถ้าคุณต้องการเรียนรู้ภาษาจริงๆ มันไม่ตลกเลย มันเป็นเรื่องน่าอับอายด้วยซ้ำไป เอาเป็นว่า ขั้นตอนการฝึกฝนเรื่องการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ควรมีขั้นตอนดังนี้ครับ
1. ฝึกออกเสียงตัวอักษรในภาษาอังกฤษทุกตัวให้ถูกต้อง ตั้งแต่ A - Z
2. ฝึกออกเสียงคำศัพท์ที่มีคำขึ้นต้น และลงท้ายด้วย TH, CH, SH, GE, SE, ST, RL เป็นต้น
3. ออกเสียงคำศัพท์ทุกคำให้ถูกต้อง ซึ่งหลายคน ย้ำ หลายคน ยังออกเสียงคำง่ายๆ อย่างเช่น Girl (เด็กหญิง) ไม่ถูกเลยครับ
4. ฝึกพูดประโยคทั้งประโยคโดยใช้เสียงควบกล้ำให้ถูกต้อง
5. ฝึกการใช้ "สำเนียง" จะเป็น American หรือ English ก็ได้
แค่ 5 ขั้นตอนนี้ ดูเหมือนจะยากใช่ไหมครับ จริงๆ แล้ว ถ้าคุณได้หลักการณ์ฝึกแบบถูกวิธี ไม่ยากเลยครับ แค่คุณออกเสียงตัวอักษรถูกต้องทั้งหมดแล้ว รับรองอย่างอื่นไหลลื่นแน่นอนครับ
English Shortcut เปรียบเสมือน "เส้นผมบังภูเขาครับ"
ใครมีข้อสงสัยอะไร ก็ลองเขียนเข้ามาคุยกันนะครับ
ธนาชัย